Dec

สวิตเซอร์แลนด์

แนะนำที่เที่ยวซูริค (Zurich) เมืองใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์

สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนทัวร์สวิตเซอร์แลนด์ แล้วยังไม่รู้จะเลือกเดินทางไปเมืองไหนดี ขอแนะนำให้ปักหมุดไปเที่ยวซูริค (Zurich) กันเลยค่ะ เพราะที่นี่คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีชีวิตชีวามากที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นเมืองที่ผสมผสานระหว่างความทันสมัยและความงดงามของธรรมชาติได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การเงิน และวัฒนธรรมของประเทศ นอกจากนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในโลก การเที่ยวเมืองซูริคจึงเรียกได้ว่าเก็บครบทุกมิติของการเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์กันเลยค่ะ ทั้งในด้านความสะดวก ความปลอดภัย ธรรมชาติที่สวยงาม และความหลากหลายของกิจกรรม

ทำความรู้จักกับเมืองซูริค (Zurich)

ซูริค (Zurich) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นเมืองหลวงของรัฐซือริช (Zürich) ตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนเหนือของประเทศ ติดกับทะเลสาบซูริค (Lake Zurich) โดยมีแม่น้ำลิมมัต (Limmat River) ไหลผ่านใจกลางเมือง ใช้ภาษาเยอรมันเป็นภาษาราชการ แต่ภาษาที่ใช้พูดกันเป็นหลักคือเยอรมันแบบภาษาถิ่นสวิส (Alemannic Swiss German dialect) ซูริคเป็นเมืองศูนย์กลางของระบบการขนส่งมวลชนของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งรถไฟ เส้นทางการคมนาคมทั้งทางบกและทางอากาศ เป็นที่ตั้งของสนามบินและสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุด เป็นเมืองที่มีการจราจรหนาแน่นที่สุด อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของสถาบันทางการเงินและการธนาคารยักษ์ใหญ่มากมาย รวมไปถึงศูนย์วิจัยและศูนย์พัฒนาของประเทศ

แม้จะเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ แต่ซูริคกลับเต็มไปด้วยบรรยากาศที่สงบ สะอาด และมีระเบียบ ทุกสิ่งอย่างถูกออกแบบให้เอื้อต่อการใช้ชีวิตที่สะดวกและยั่งยืน จนทำให้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกอย่างต่อเนื่องหลายปีซ้อน นอกจากนี้เมืองซูริคยังเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งแหล่งประวัติศาสตร์เก่าแก่ พิพิธภัณฑ์ ศิลปะ ธรรมชาติ และร้านช็อกโกแลตชื่อดังระดับโลก ใครที่มาทัวร์สวิตเซอร์แลนด์กันที่เมืองนี้ ก็จะได้สัมผัสทั้งวัฒนธรรมและความงดงามของธรรมชาติในเมืองเดียวอย่างครบถ้วน มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้างที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนซูริค

แนะนำที่เที่ยวซูริค (Zurich)

1. เมืองเก่าซูริค (Altstadt)

เป็นย่านประวัติศาสตร์ในยุคกลางที่สวยงามและได้รับการอนุรักษ์เอาไว้อย่างดี ถือได้ว่าเป็นหัวใจทางประวัติศาสตร์ของเมืองกันเลยค่ะ ประกอบด้วยอาคารเก่าแก่ที่ปัจจุบันยังคงใช้งานจริง โดยใช้เป็นที่อยู่อาศัย ร้านค้าหรือสำนักงาน รวมไปถึงสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ บรรยากาศในย่านนี้จะอบอวลไปด้วยกลิ่นอายคลาสสิกของยุโรปริมสองฝั่งของแม่น้ำลิมมัต (Limmat River) มีตรอกซอกซอยแคบ ๆ ที่ปูด้วยหิน ร้านค้าเล็ก ๆ และคาเฟ่สวย ๆ ซ่อนตัวอยู่ เหมาะสำหรับการเดินเล่นสำรวจเมือง หามุมสวย ๆ ถ่ายภาพสถาปัตยกรรมเก่าแก่และบรรยากาศแบบยุโรปแท้ ๆ เมื่อมาทัวร์สวิตเซอร์แลนด์

2. ถนนบานโฮฟซตราเซอร์ (Bahnhofstrasse)

ถนนย่านการค้าเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เรียกได้ว่าเป็นถนนสายช็อปปิ้งหลักของเมืองซูริคกันเลยก็ว่าได้ สายช้อปที่มาทัวร์สวิตเซอร์แลนด์บอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะ โดยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในถนนช้อปปิ้งที่สวยและแพงที่สุดในโลก เนื่องจากสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านแบรนด์เนมระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Gucci, Chanel ร้านนาฬิกานาฬิกาหรูชื่อดังอย่าง Rolex, Omega, Patek Philippe ร้านเครื่องประดับ และร้านบูติกแบรนด์เนมระดับไฮเอนด์ นอกจากนี้ยังมีร้านช็อกโกแลต Sprüngli ที่มี Luxemburgerli มาการองสไตล์สวิสอันโด่งดังให้ได้ลิ้มลองกัน โดยถนนเส้นนี้จะเริ่มต้นจากสถานีรถไฟหลัก Zurich HB ไปจนถึงริมทะเลสาบซูริค

3. ทะเลสาบซูริค (Lake Zurich)

ทะเลสาบขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองซูริค เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางความงามทางธรรมชาติซูริค และเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง โดยกิจกรรมยอดนิยมที่ทะเลสาบแห่งนี้คือการเดินเล่นริมทะเลสาบ นั่งปิกนิก พักผ่อนหย่อนใจกันชิล ๆ หรือจะเลือกล่องเรือชมทัศนียภาพ ท่ามกลางผืนน้ำทะเลสาบที่กว้างใหญ่โดยมีวิวเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง ซึ่งในช่วงฤดูร้อนชาวเมืองและนักท่องเที่ยวจะนิยมมาปิกนิกและพายเรือกันค่ะ ส่วนในฤดูหนาวก็จะได้บรรยากาศที่สงบและโรแมนติกมากที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเย็นที่แสงอาทิตย์ตกสะท้อนผืนน้ำเป็นสีทองสวยงาม

4. สวนพฤกษศาสตร์มหาวิทยาลัยซูริค (University of Zurich Botanical Garden)

พื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองซูริคที่เหมาะสำหรับคนรักต้นไม้และธรรมชาติ ภายในสวนมีพืชพรรณหลากหลายกว่า 15,000 ชนิดจากทั่วโลก โดดเด่นด้วยเรือนกระจกทรงครึ่งวงกลมสามหลัง ซึ่งแต่ละหลังถูกออกแบบมาเพื่อสภาพอากาศที่แตกต่างกัน หลังใหญ่ที่สุดปลูกพืชเขตร้อน ส่วนหลังอื่น ๆ ปลูกพืชกึ่งเขตร้อนและสะวันนา ภายในมีทั้งต้นปาล์ม เฟิร์น กล้วยไม้ และพืชอื่น ๆ อีกมากมาย และมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสามหลังที่จำลองบรรยากาศของแม่น้ำในแอฟริกากลาง อเมริกาใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นสถานที่เที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนและเรียนรู้ธรรมชาติ

5. พิพิธภัณฑ์ศิลปะคุนสท์เฮาส์ (Kunsthaus Zürich)

หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่สำคัญที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้รวบรวมผลงานศิลปะตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยจัดแสดงผลงานศิลปะชิ้นเอกที่ครอบคลุมตั้งแต่ยุคกลางจนถึงศิลปะร่วมสมัย โดยจะเน้นที่ศิลปะสวิสเป็นหลัก มีภาพวาดและผลงานของศิลปินดัง เช่น โมเนต์ (Monet), แวน โก๊ะ (Van Gogh), ปิกัสโซ (Picasso) และคอลเลกชันผลงานของศิลปินสวิสอย่าง แฟร์ดีนานด์ ฮอดเลอร์ (Ferdinand Hodler) และอัลแบร์โต จาโคเมตติ (Alberto Giacometti) รวมถึงศิลปินร่วมสมัยอย่างปิปิลอตตี ริสต์ (Pipilotti Rist) และปีเตอร์ ฟิชลี (Peter Fischli) อีกทั้งยังรวบรวมคอลเลคชั่นศิลปะของศิลปินมากมายทั้งในประเทศและจากทั่วโลกมาจัดแสดงไว้ที่นี่ด้วยเช่นกัน

6. ยอดเขายูเอทลิเบิร์ก (Uetliberg Mountain)

ภูเขาประจำเมืองซูริคซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาอัลบิส (Albis) มีความสูงถึง 870 เมตร ภูเขาลูกนี้เป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามา 360 องศาที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมืองซูริคได้ทั้งหมด สามารถเดินทางไปยังยอดเขาได้ตลอดทั้งปีด้วยรถไฟ Uetlibergbahn นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินป่าขึ้นสู่ยอดเขาหลายเส้นทาง บนยอดเขามีโรงแรม ร้านอาหาร หอสังเกตการณ์ที่สามารถปีขึ้นไปเพื่อชมวิวทิวทัศน์ได้ และหอส่งสัญญาณโทรทัศน์ยูเอทลิเบิร์ก แนะนำให้เตรียมเสื้อกันหนาวหรือเช่าเสื้อกันหนาวจากในเมืองก่อนขึ้นไปด้วยก็ดีค่ะ เพราะลมบนยอดเขาแรงและอุณหภูมิต่ำกว่าด้านล่างค่อนข้างมาก

7. เนินเขาลินเดนฮอฟ (Lindenhof Hill)

อีกหนึ่งจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า เนินเขาเล็ก ๆ ที่ในอดีตเคยเป็นป้อมปราการของชาวโรมัน ซึ่งบริเวณไม่ไกลกันนักยังคงหลงเหลือส่วนของกำแพงป้อม และหินหน้าหลุมศพที่สลักอักษรโรมันปรากฏให้ได้เห็นกันอยู่ ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นจุดพักผ่อนหย่อนใจ และจุดนัดพบของชาวเมือง เต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น และเป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดที่สามารถมองเห็นโบสถ์กรอสมุนสเตอร์ ส่วนของเมืองเก่าฝั่งตรงข้าม และแม่น้ำลิมมัตที่ไหลผ่านใจกลางเมืองได้อย่างชัดเจน ใครที่มาทัวร์สวิตเซอร์แลนด์กันที่เมืองนี้ ก็สามารถขึ้นไปเพื่อชมทิวทัศน์อันกว้างไกลของตัวเมืองกันได้ค่ะ

8. สวนสัตว์ซูริค (Zurich Zoo)

เป็นอีกหนึ่งสวนสัตว์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับครอบครัว โดยเฉพาะใครที่พาครอบครัวและเด็ก ๆ มาทัวร์สวิตเซอร์แลนด์กันเลยค่ะ เพราะสามารถใช้เวลาได้ทั้งวันท่ามกลางธรรมชาติและสัตว์ต่าง ๆ กว่า 400 สายพันธุ์จากทั่วโลก มีการจัดแสดงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมซึ่งจำลองมาจากถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งโซนจำลองป่าเขตร้อนเอเชียและแอฟริกา โดยเฉพาะโซนสวนป่าฝนมาโซอาล่า (Masoala Rainforest) ที่จำลองป่าฝนจากมาดากัสการ์มาให้ได้ชมกัน

9. พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss National Museum)

จุดหมายปลายทางที่ห้ามพลาดเมื่อมาทัวร์สวิตเซอร์แลนด์ พิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดของทวีปยุโรป ตั้งอยู่ติดกับสถานีรถไฟหลัก Zurich HB ตัวอาคารของพิพิธภัณฑ์โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบปราสาทยุคกลาง จัดแสดงวัตถุและเรื่องราวตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ไปจนถึงศตวรรษที่ 20 และยังมีส่วนจัดแสดงศิลปะโกธิค อัศวิน และคอลเล็กชันประติมากรรมไม้ที่ใช้สำหรับพิธีกรรม ภาพวาดบนแผ่นไม้ และแท่นบูชาแกะสลัก ใครที่สนใจเรื่องราวทางประวัติศาสตร์หรือชอบเดินดูของโบราณสวย ๆ บอกเลยว่าห้ามพลาดค่ะ

10. โบสถ์กรอสมุนสเตอร์ (Grossmünster)

โบสถ์ที่โดดเด่นด้วยหอคอยคู่ทรงโรมาเนสก์ เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่สำคัญที่สุดของซูริค ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำลิมมัต ตัวอาคารสร้างด้วยหินสีเทา มีหอคอยแฝดสูงตระหง่านที่มองเห็นได้จากทั่วทุกมุมเมือง ตามตำนานเล่าว่าโบสถ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นบนหลุมฝังศพของนักบุญ Felix และ Regula ซึ่งเป็นนักบุญอุปถัมภ์ของเมือง ภายในโบสถ์ตกแต่งด้วยงานประติมากรรมและสถาปัตยกรรมที่งดงาม มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่บอกเล่าเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ด้านบนหอคอยเป็นจุดชมวิว ที่สามารถขึ้นบันไดไปยังยอดหอคอยเพื่อชมวิวเมืองได้แบบเต็มตาจากมุมสูง โดยเฉพาะในช่วงเย็นที่แสงจะสวยงามเป็นพิเศษ

11. โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumünster)

อีกหนึ่งโบสถ์เก่าแก่คู่เมืองซูริค สร้างขึ้นตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 9 โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคและหอคอยยอดปลายแหลมที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล โบสถ์แห่งนี้เป็นที่รู้จักจากหน้าต่างกระจกสี (Stained Glass Windows) ซึ่งถูกออกแบบโดยศิลปินชาวยิว-รัสเซียชื่อดังอย่างมาร์ค ชากาล (Marc Chagall) โดยภายในโบสถ์จะตกแต่งด้วยกระจกสีที่บอกเล่าเรื่องราวจากคัมภีร์ไบเบิล เมื่อแสงแดดสาดส่องผ่านกระจกสีเข้ามา ก็ทำให้เรื่องราวในพระคัมภีร์ไบเบิลนั้นกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง นอกจากนี้ก็ยังมีหน้าต่างคณะนักร้องประสานเสียง The Heavenly Paradise ซึ่งออกแบบโดยจิตรกรชาวสวิสอย่าง ออกุสโต จาโกเมตติ (Augusto Giacometti) ที่งดงามไม่แพ้กัน

12. ซูริค โอเปร่า เฮาส์ (Zurich Opera House)

โรงละครโอเปร่าที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่นี่เป็นหนึ่งในโรงอุปรากรหลักของสวิตเซอร์แลนด์ที่ดึงดูดผู้ชื่นชอบการแสดงโอเปร่าและดนตรีจากทั่วทุกมุมโลก มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานเกือบ 200 ปี โดยก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1834 โรงละครโอเปร่าแห่งนี้มีการจัดแสดงที่หลากหลาย ทั้งโอเปร่าคลาสสิกของนักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง Mozart และ Verdi ผลงานร่วมสมัยของศิลปินชื่อดังต่าง ๆ รวมไปถึงการแสดงบัลเล่ต์และคอนเสิร์ต โดยสามารถเข้าชมการแสดงตามปกติ หรือทัวร์เบื้องหลังโรงละครโอเปร่า ซึ่งจะมีไกด์พาเยี่ยมชมสำรวจพื้นที่หลังเวที และเบื้องหลังการแสดงกันอย่างใกล้ชิดค่ะ

13. ลินด์ท โฮม ออฟ ช็อกโกแลต (Lindt Home of Chocolate)

ปิดท้ายการทัวร์สวิตเซอร์แลนด์ในเมืองซูริค ด้วยจุดหมายปลายทางในฝันของคนรักของหวานที่พิพิธภัณฑ์ช็อกโกแลตที่ใหญ่ที่สุดในโลก Lindt Home of Chocolate กันค่ะ ซึ่งที่นี่ก็เป็นทั้งพิพิธภัณฑ์และโรงงานช็อกโกแลตขนาดใหญ่ของแบรนด์ Lindt ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบซูริค ภายในมีนิทรรศการมัลติมีเดียและอินเทอร์แอกทีฟที่บอกเล่าเรื่องราวของช็อกโกแลต เริ่มตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงการผลิตจนได้ช็อคโกแลตแสนอร่อย พร้อมชมน้ำพุช็อกโกแลตขนาดยักษ์ที่สูงถึงกว่า 9 เมตร และเพลิดเพลินไปกิบโซนชิมช็อกโกแลตที่สามารถลิ้มลองกันได้ไม่อั้น

ต้องบอกว่าซูริคนั้นเป็นเมืองที่รวมทุกอย่างของสวิตเซอร์แลนด์ไว้ได้ครบในที่เดียวกันเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม ธรรมชาติ บ้านเมืองที่สะอาดปลอดภัย การคมนาคมที่สะดวกสบาย และช็อกโกแลตอันโด่งดัง เป็นเมืองที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นทัวร์สวิตเซอร์แลนด์ หรือผู้ที่มาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ครั้งแรกเป็นอย่างยิ่งค่ะ และไม่ว่าจะมาทัวร์สวิตเซอร์แลนด์กันในฤดูไหน ซูริคก็ยังคงงดงามอยู่เสมอ ทั้งฤดูร้อนที่เหมาะสำหรับการชมทะเลสาบ แพคกระเป๋าเช่าเสื้อกันหนาวมาเที่ยวในฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะและแสงไฟคริสต์มาส สัมผัสความงดงามราวภาพวาดของใบไม้เปลี่ยนสีที่ในฤดูใบไม้ร่วง หรือดื่มด่ำกับดอกไม้สวย ๆ ที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ โดยมีทิวทัศน์อันงดงามตระการตาของเทือกเขาแอลป์เป็นฉากหลัง